1

6 รูปแบบจัดงานเลี้ยงแต่งงาน แบบไหนเหมาะ ข้อดี ข้อเสียเป็นยังไง


จัดเลี้ยงแต่งงานด้วยอาหารอร่อย ๆ เพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ เพราะรูปแบบจัดงานเลี้ยงก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเช่นกันค่ะ เพราะมันจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ภาพรวมของงานนั้น จะไปในทิศทางไหน บรรยากาศภายในงานแต่งเป็นยังไง และดำเนินพิธีการอย่างไร

ดังนั้น การเลือกรูปแบบจัดงานเลี้ยงให้เหมาะสมนั้น ก็ต้องคำนึงถึงจำนวนแขก สถานที่แต่งงาน ธีมงาน ช่วงเวลาจัดงาน และลำดับพิธีด้วยน้าค้า บทความนี้ Weddinglist ก็เลยเตรียมรูปแบบต่าง ๆ มาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้เห็นกันชัด ๆ จะได้ช่วยว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายตัดสินใจเลือกง่ายขึ้นค่า

2

โต๊ะจีน คือ การนั่งล้อมโต๊ะเพื่อกินอาหารร่วมกัน มีกับข้าวอยู่ที่กลางโต๊ะ โดยจะเริ่มจากเมนูออร์เดิร์ฟ ซุป เส้น ข้าว เนื้อสัตว์ และของหวาน แขกที่มาร่วมงานจะแชร์กันอย่างเพลิดเพลิน กินไป คุยไป และเอ็นจอยกับพิธีการแต่งงานไปพร้อม ๆ กันค่ะ

  • ข้อดี

แขกไม่ต้องเดินตักอาหารเอง สามารถคำนวณการจัดวางพื้นที่ได้เลย เพราะว่าทราบจำนวนโต๊ะและรายการอาหารทั้งคาวหวานก่อนแล้ว ทำให้ทีมงานฝ่ายตกแต่ง หรือจัดเตรียมสถานที่ค่อนข้างทำงานสะดวก มีราคาหลากหลาย สามารถเลือกได้เองตามงบประมาณที่มี ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ

  • ข้อเสีย 

ค่อนข้างใช้พื้นที่มาก หากสถานที่ไม่กว้างมากพอ ก็อาจทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ น้อยลงได้ค่ะ ส่วนที่นั่งและอาหารก็เป็นแบบร่วมรับประทานด้วยกัน ดังนั้น แขกอาจจะไม่ค่อยสนใจพิธีการบนเวทีเท่าไหร่นัก หรือรับประทานมากน้อยได้ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะแขกที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เมื่อนั่งร่วมโต๊ะกัน ก็อาจจะรู้สึกไม่สบายตัวพอสมควรค่ะ

  • คำแนะนำ

รูปแบบจัดเลี้ยงโต๊ะจีน พบได้บ่อยมากที่สุดในงานจัดเลี้ยงแต่งงานเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะกับงานแต่งที่มีแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วยค่อนข้างมาก หรืองานแต่งขนาดใหญ่ที่มีแขกมากกว่าพันคน เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความวุ่นวาย ซึ่งบ่าวสาวควรกำหนดรายชื่อแขกอย่างชัดเจน และจัดวางตำแหน่งโต๊ะและที่นั่งให้เหมาะสมที่สุด เพราะหากมีแขกมาเกินจำนวนที่นั่ง อาจส่งผลกระทบกับแขกคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกันค่ะ

3

ค็อกเทล (Cocktail)

ค็อกเทล คือ อาหารที่ถูกดีไซน์มาให้ดูเก๋ไก๋ สวยงาม แปลกตา ตั้งไว้ให้เลือกทานเป็นคำ ๆ แบบ Fingerfood เน้นให้ดูน่ารับประทาน มีทั้งอาหารคาวและหวาน ด้วยความที่เป็นอาหารชิ้นเล็กทานง่าย แขกจึงเดินทานก็ได้ ยืนทานก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีที่นั่งกินจริงจังเลยค่า

  • ข้อดี 

การจัดเลี้ยงแบบอาหารค็อกเทล มักจะโดดเด่นที่ความสวยงามของอาหารค่ะ การตกแต่งและการจัดวางที่เป็นระเบียบ ทำให้ดูน่ามองและน่ากินมากขึ้น แขกสามารถเดินไป หยิบไป ทานไป คุยไปได้ ทำให้บรรยากาศดูสบาย ๆ เป็นกันเอง สนุกสนาน ใช้พื้นที่น้อย และที่สำคัญ ไม่แย่งความสนใจไปจากพิธีการบนเวทีค่ะ

  • ข้อเสีย 

ประเด็นที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุดคือ แขกทานไม่อิ่ม อาหารหมดไว คำนวณต่อหัวยาก เพราะแต่ละคนทานมาก ทานน้อยไม่เท่ากัน ไม่ค่อยสะดวกสบายสำหรับแขกผู้ใหญ่หรือเด็กเล็ก และมีโอกาสที่จะเกิดความวุ่นวายได้ง่ายมากค่ะ

  • คำแนะนำ

รูปแบบจัดเลี้ยงค็อกเทล เหมาะสำหรับงานแต่งงานทุกขนาด แต่ควรใช้ระยะเวลาที่ไม่นาน บ่าวสาวอาจจะต้องวางแผนให้ละเอียดมากหน่อยค่ะ เช่น ปริมาณอาหารกับระยะเวลาของงานแต่ง เพิ่มโต๊ะสำหรับแขกที่ต้องใช้บริการเสิร์ฟอาหาร แจ้งลงไปในการ์ดเชิญอย่างชัดเจนว่าเป็นแบบค็อกเทล หรือมีอาหารจานหลักในงานเสริมอีกซัก 1 เมนู เป็นต้นค่ะ 

4

บุฟเฟต์ (Buffet)

บุฟเฟต์ เป็นรูปแบบจัดงานเลี้ยงที่ให้แขกที่มาร่วมงานเลือกตักอาหารกินเองได้ตามใจชอบ มีอาหารครบทุกรูปแบบ ทั้งของคาว ของหวาน จานหลัก จานย่อย ทานเล่นนั่นเองค่า ซึ่งปริมาณอาหารจะถูกเติมอยู่เรื่อย ๆ ตามที่บ่าวสาวได้กำหนดไว้ค่ะ

  • ข้อดี 

ที่บุฟเฟต์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมในการจัดเลี้ยงแต่งงาน ก็เพราะว่าแขกสามารถเลือกทานได้ตามที่ต้องการ เมนูอาหารก็หลากหลาย ทั้งสะดวกและประหยัด บรรยากาศในงานก็จะดูครึกครื้น พูดคุยกันสบาย ๆ เป็นอิสระค่ะ

  • ข้อเสีย 

เมื่ออาหารถูกตักออกไปแล้วบางส่วน อาจจะดูไม่น่ารับประทานได้ค่ะ ส่วนอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็จะหมดก่อนเมนูอื่นเสมอ จึงมีโอกาสที่อาหารจะไม่ทั่วถึงแขกทุกคนค่า อีกทั้ง แขกผู้ใหญ่บางท่านอาจจะไม่สะดวกในการลุกขึ้นเดินไปตักอาหารเช่นกันค่ะ

  • คำแนะนำ

รูปแบบจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ พบได้ค่อนข้างบ่อยเลยล่ะค่ะ เพราะเหมาะกับงานแต่งทุกแนว ทุกขนาด โดยเฉพาะสถานที่จัดเลี้ยงแต่งงานที่มีพื้นที่จำกัด แต่ก็ควรจะมีโต๊ะสำหรับแขกที่ต้องใช้บริการเสิร์ฟอาหารไว้หน่อยน้าค้า จะได้คอยอำนวยความสะดวกให้แขกผู้หลักผู้ใหญ่นั่นเองค่า

รูปแบบจัดเลี้ยงแต่งงานแบบซุ้มอาหาร

ซุ้มอาหาร (Food Station)

ซุ้มอาหาร เป็นการจัดเลี้ยงที่โชว์การปรุงอาหารต่อหน้าแขกแบบสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะหั่น ย่าง ผัด ทอด ต้ม ก็ล้วนช่วยสร้างสีสันให้กับงานแต่งอย่างดี สามารถจัดคู่กับไลน์อาหารบุฟเฟต์หรือค็อกเทลก็ได้ค่ะ และค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบันค่า

  • ข้อดี 

จะได้เห็นการทำอาหารที่สดใหม่ของเชฟ ดูทันสมัย แขกสามารถสอบถามเชฟเกี่ยวกับอาหารได้ และเลือกทานบางอย่างและไม่ทานบางอย่างได้ตามต้องการ ใช้พื้นที่ไม่มาก และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มอาหารไทย ตะวันตก จีน ญี่ปุ่น ขนมหวาน หรือยกร้านดังมาตั้งไว้ในงานเลยก็ได้ค่า

  • ข้อเสีย 

ซุ้มอาหารที่ได้รับความนิยม อาจจะต้องรอคิวนานหรือหมดก่อน แขกบางคนอาจไม่ทันได้ลองชิม และใช้งบประมาณค่อนข้างสูง อาจจะทำให้ต้องจำกัดปริมาณอาหารอีกด้วยค่ะ ทั้งยังคำนวณปริมาณอาหารและจำนวนแขกค่อนข้างยาก เพราะไม่รู้ได้เลยว่าซุ้มไหนต้องมากน้อยเพียงใดค่ะ 

  • คำแนะนำ

รูปแบบจัดเลี้ยงแบบซุ้มอาหาร พบบ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันค่ะ เหมาะกับงานแต่งงานที่อยากให้ดูไม่เป็นทางการมาก ควรเลือกประเภทอาหารที่ใช้เวลาทำไม่นาน กรรมวิธีไม่ซับซ้อน และให้เชฟทำองค์ประกอบให้เสร็จเรียบร้อยรอไว้ก่อนเลย เช่น Spaghetti Pasta Sushi Hamburger ก๋วยเตี๊ยว เป็นต้นค่ะ และอย่าลืมคำนวณปริมาณอาหารและจำนวนแขกอย่างละเอียดด้วยน้าค้า

5

เซ็ตอาหารเสิร์ฟ (Course Set Menu)

อาหารจะถูกเสิร์ฟแยกให้แขกแบบรายบุคคลโดยพนักงานเสิร์ฟค่ะ แขกจะรู้สึกว่าได้รับการดูแลแบบ VIP โดยส่วนใหญ่ Set Menu จะเสิร์ฟเป็น Course ค่ะ ไล่ไปตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย จานหลักต่าง ๆ และของหวานค่า

  • ข้อดี

แขกที่มาร่วมงานไม่ต้องร่วมรับประทานอาหารกับใคร ลดความวุ่นวาย และมีพนักงานเสิร์ฟอาหารคอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดงาน แถมยังช่วยให้กำหนดการต่าง ๆ ของพิธีงานแต่งควบคุมง่ายขึ้นอีกด้วยค่า

  • ข้อเสีย 

ไม่มีตัวเลือกให้แขก เพราะคู่บ่าวสาวเลือกเมนูอาหารจัดเลี้ยงไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ใช้จำนวนพนักงานเสิร์ฟค่อนข้างเยอะ และต้องใช้ความเป็นมืออาชีพของฝ่ายจัดเตรียมอาหารค่อนข้างมาก เพราะหากเกิดการติดขัดขึ้นมา แขกก็อาจจะไม่ได้รับอาหารก็ได้ค่ะ

  • คำแนะนำ

รูปแบบจัดเลี้ยงแต่งงานแบบ Course Set Menu เหมาะกับงานแต่งทุกประเภท โดยเฉพาะงานแต่งแบบทางการ เพราะทุกอย่างจะถูกจัดวางและกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคู่บ่าวสาวควรเก็บข้อมูลของแขกให้ครบถ้วนว่ามีทั้งหมดกี่ที่นั่ง ใครทานอะไรไม่ได้บ้าง หรือแพ้อาหารอะไรบ้างด้วยน้าค้า

6

เซ็ตอาหารกล่อง (Bento Set)

สามารถดีไซน์ให้เป็นทั้งอาหารว่าง (Snack Box) อาหารหลัก ของหวาน หรือรวมทั้งหมดไว้ในหนึ่งเซ็ตก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับความต้องการของบ่าวสาว ซึ่งอาหารจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องที่พกพาได้ และสามารถเป็นของที่ระลึกได้เช่นกันค่ะ

  • ข้อดี 

ในช่วงที่มีโรคระบาด รูปแบบจัดเลี้ยงแบบ Bento Set เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลยค่ะ เพราะลดการสัมผัส ลดจำนวนพนักงานเสิร์ฟ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ อีกทั้ง แขกที่ยังไม่รู้สึกหิวสามารถนำกล่องอาหารกลับบ้านได้เลยค่า

  • ข้อเสีย 

บ่าวสาวจะเป็นคนเลือกเมนูอาหารเอง แขกจะไม่สามารถเลือกเมนูเองได้ จึงมีโอกาสที่แขกบางคนจะไม่ชอบเมนูที่อยู่ใน Bento Set ค่ะ แถมยังใช้ทรัพยากรเยอะมากกว่ารูปแบบอื่น ๆ ทั้งภาชนะ ช้อน ส้อม มีด Packaging ที่ไม่สามารถล้างแล้วนำกลับมา Reuse ได้ค่ะ

  • คำแนะนำ

จัดเลี้ยงแต่งงานแบบเซ็ตอาหารกล่อง เหมาะกับงานแต่งขนาดเล็ก เพราะถ้าเป็นงานที่มีจำนวนแขกเยอะ ๆ รูปแบบจัดเลี้ยงอื่น จะคุ้มค่ามากกว่าค่ะ และไม่เหมาะกับคู่รักสายกรีน เพราะ Bento Set ส่วนใหญ่มักเป็นภาชนะแบบใช้แล้วทิ้งค่ะ

7

สุดท้ายนี้ Weddinglist อยากบอกว่า การเลือกรูปแบบจัดเลี้ยงแต่งงานนั้น เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ๆ ในการวางแผนแต่งงานเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะมันเป็นข้อมูลที่ทีมงานฝ่ายต่าง ๆ จะต้องรับรู้ก่อนเริ่มขั้นตอนเตรียมงานลำดับต่อ ๆ ไปค่า และหลังจากที่งานแต่งงานจบลงไปแล้ว คำชื่นชมเกี่ยวกับอาหารก็มาเป็นอันดับแรก ๆ เหมือนกันค่ะ

ดังนั้น ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหลาย ควรเลือก Catering ที่มีให้ลองชิมอาหารด้วยตัวเองก่อนเสมอนะค้า ซึ่ง Weddinglist เองก็มี Catering ต่าง ๆ มาแนะนำ พร้อมกับรีวิวเจ้าต่าง ๆ ด้วยน้าค้า คลิกกดอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่า รวม Catering บริการรับจัดเลี้ยงงานแต่งงานที่ดีที่สุดในกรุงเทพ